แผนที่สู่การเยียวยาใจ Part 2
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Extraverted Sensing (Se)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท ESTP และ ESFP
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- รู้สึกวิตกกังวลกับคำพูดหรือท่าทีของคนรอบข้างมากเกินไป
- รู้สึกหวาดกลัว สับสน ไม่มั่นคงทางจิตใจ ตีความสิ่งต่างๆ ผิดเพี้ยน เช่น คิดว่าถูกตำหนิทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน
- เงียบผิดปกติ ไม่บอกความรู้สึกที่แท้จริง ขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ
- จมอยู่กับความคิด เชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างไร้เหตุผล
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Se เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากสามารถออกจากการนั่งจมอยู่กับความกังวลในหัวของตัวเอง ได้ลงมือทำและได้วางแผนรับมือกับสถานการณ์กวนใจล่วงหน้า
- กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
– หลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนสมาธิและเปลี่ยนโฟกัสไปทำอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ดูทีวี
– กลับมาอยู่กับร่างกาย เช่น เดินเล่น ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือพักผ่อนร่างกายด้วยการนอนหลับ
– คุยกับคนที่จะช่วยให้เรากลับมาอยู่ในความเป็นจริง ยืนยันว่าเหตุการณ์ร้ายแรงยังไม่ได้เกิดขึ้นหรือไม่น่าจะเกิดขึ้น - ขอความช่วยเหลือ
– ให้คนอื่นช่วยแยกแยะและจัดการกับข้อมูลที่มากเกินจะรับมือได้ รวมทั้งช่วยจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ
– คุยกับคนที่จะช่วยให้คำแนะนำในเรื่องการปรับมุมมองใหม่ การมองหาทางเลือกใหม่ๆ และความเป็นไปได้อื่น เพื่อวางแผนรับมือกับอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องที่จะกระตุ้นความวิตกกังวลของเราและเริ่ม “ลงมือทำอะไรบางอย่าง” ทันที แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เพื่อให้รู้สึกว่าควบคุมชีวิตของตัวเองได้มากขึ้น และลดการจมอยู่กับความคิดในด้านลบ
– คุยกับคนที่จะช่วยให้เรามีความมั่นคงทางจิตใจมากขึ้น และไม่คิดวิตกไปไกลกว่าเดิม เพื่อให้กลับมาตั้งหลักได้และเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเข้าใจว่าความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติหรือแปลว่าเรากำลังเป็นบ้า
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท ESTP และ ESFP มักรับมือกับความเครียดด้วยการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ข้างใน โดยการออกไปทำกิจกรรมที่กระตุ้นประสาทสัมผัส เช่น ซื้อของ ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ เสพความบันเทิงอย่างหนัก หรือเล่นกีฬา รวมทั้งมักปฏิเสธการคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และ มักโกหกตัวเองว่าตัวเองไม่เป็นไรหรือไม่มีอะไรสลักสำคัญพอให้รู้สึกแย่ แต่ความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ข้างใน ความรู้สึกไร้อำนาจเพราะควบคุมสิ่งที่ตัวเองคิดหรือรู้สึกไม่ได้ ความเจ็บปวดจากการพยายามเป็นคนสดใสหรือเข้มแข็งตลอดเวลา ความโดดเดี่ยวลึกๆ และความกลัวว่าตัวเองจะล้มเหลวหากหยุดทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้หายไปไหน และเป็นสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ เพื่อรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ ESTP และ ESFP พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การอยู่กับความไม่แน่นอน: เราสามารถอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน คาดเดาไม่ได้ มีความเป็นไปได้หลากหลายได้ โดยไม่ต้องรีบแก้ไขหรือลงมือทำอะไรบางอย่างเพราะวิตกไปก่อนว่ามันจะเป็นภัย ความลึกลับและลึกซึ้งในชีวิตไม่ได้เป็นภัยเสมอไป
- การรับฟังเสียงข้างในหรือลางสังหรณ์ของตัวเอง: ถ้ามีบางอย่างน่าตงิดใจ เรากลับมาหาคำตอบและคิดทบทวนก่อนได้ ไม่ต้องรีบตัดสินใจหรือลงมือทำทันที
- การพัฒนานิสัยการคิดทบทวน และ วางแผนระยะยาว: เราเรียนรู้จากอดีตได้ การคิดล่วงหน้าแทนที่จะไปคิดเอาดาบหน้าไม่ใช่เรื่องแย่ และการมีวินัยเป็นสิ่งที่ดี เพราะทั้งหมดนี้มันสามารถช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ และเราไม่จำเป็นต้องรีบพุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลาและการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วที่สุดไม่ได้ดีสำหรับทุกเรื่อง
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Extraverted iNtuition (Ne)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท ENTP และ ENFP
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- พยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน แต่ไม่มีอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน วอกแวก โฟกัสไม่ได้ รู้สึกป่วยหรือเหนื่อยผิดปกติ
- พูดเร็ว คิดฟุ้งซ่าน หงุดหงิดกับคนรอบข้าง รู้สึกแปลกแยก หรือถูกจำกัดจากสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
- ต่อต้านข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์ โดยเฉพาะหากรู้สึกว่ามันขัดขวางอิสรภาพหรือความหมาย
- ตัดพ้อประชดประชัน พูดในเชิงลบ และตีความเกินจริง ตั้งคำถามกับสิ่งที่ตัวเองให้ค่า
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Ne เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากมีโอกาสได้จัดการกับความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัว และได้รู้สึกว่าตนเองมีทางเลือก
- ปล่อยให้ตัวเอง “อยู่กับอารมณ์” โดยไม่ต้องเร่งแก้ไขหรือกดเก็บความรู้สึก
– ไตร่ตรองจนเข้าใจความกลัวและความกดดันที่ซ่อนอยู่ ปรับมุมมองที่มีต่อปัญหา
– เลือกสภาพแวดล้อมที่สบาย กลับมาอยู่กับประสาทสัมผัส หรือ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย เดินเล่น ฟังเสียงธรรมชาติ นั่งในที่สงบๆ กินอาหารอร่อยๆ หรือ ไปสปา
– เปิดพื้นที่ให้ตัวเองกลับมาทบทวนความหมายหรือสิ่งที่ตัวเองให้ค่า เช่น ผ่านการอ่าน การเขียน หรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ - เมื่อพร้อมและรู้สึกดีขึ้น จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ และเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้จริง เพื่อฟื้นความมั่นใจ
- พูดคุยกับใครบางคนที่พร้อมฟังอย่างจริงใจ ไม่ตัดสิน และมีเวลาให้เต็มที่
– เลือกคนที่สามารถช่วยแยกแยะความเป็นจริงออกจากความกลัว
– ไม่พูดคุยกับคนที่พยายามสั่งสอน ช่วยตัดสินใจ ช่วยแก้ปัญหา หรือ พยายามทำให้เลิกคิดลบ - กระจายงานหรือขอความช่วยเหลือในการจัดการรายละเอียด เรื่องจุกจิก หรือสิ่งเล็กๆ ที่รู้สึกว่ามีมากเกินกว่าจะจัดการคนเดียว
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท ENFP และ ENTP มักรับมือกับความเครียดด้วยการ “หนี” เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหาและความเจ็บปวดภายใน เช่นเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นและสนุกมากขึ้น เริ่มทำโปรเจกต์ใหม่ ระดมหาไอเดียใหม่ หรือ เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ปัญหา รวมไปถึงการคิดหาความเป็นไปได้ในการเบี่ยงเบนความเป็นจริงที่ไม่อยากยอมรับ แต่ความรู้สึกกลัวว่าตัวเองไม่ดีพอ ไร้ค่าและล้มเหลว ความรู้สึกไม่แน่นอน ไร้ทิศทางและที่ยึดเหนี่ยว ตลอดจนความเหนื่อยล้าและความเบื่อหน่าย คือสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ และรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ ENTP และ ENFP พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การให้ความสำคัญกับรายละเอียด: เราจำเป็นต้องจดจำรายละเอียดบางเรื่องเพื่อไม่ให้เกิดประสบการณ์แย่ๆ อีกครั้ง และเราจำเป็นจะต้องจับสัญญาณในตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่กำลังจะนำไปสู่ความเครียดหรือไม่ ตอนนี้เรารับมือกับรายละเอียดได้มากขนาดไหน
- ข้อจำกัดของร่างกาย: เราไม่จำเป็นต้องใส่เต็มตลอด ไม่ทุ่มให้กับความคาดหวังที่เกินพอดี ต้องใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ผึกทำสมาธิ ทำสิ่งต่างๆ ช้าลง และอยู่คนเดียวให้ได้
- สมดุลระหว่างอิสรภาพและความรับผิดชอบ: เราสามารถใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีเป้าหมาย การวางแผน การมีระเบียบและการมีความมั่นคงจากภายในเป็นสิ่งสำคัญ การวิ่งหาสิ่งที่น่าตื่นเต้นอยู่ตลอดทำให้หมดแรงและไร้จุดหมาย




