แผนที่สู่การเยียวยาใจ Part 3
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Introverted Sensing (Si)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท ISTJ และ ISFJ
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- อารมณ์เสียง่าย ขี้บ่น หงุดหงิด หรือกล่าวโทษผู้อื่น โดยไม่แสดงออกตรงๆ ไม่สามารถผ่อนคลายได้
- เก็บกด รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ลืมของ ไม่มีระบบระเบียบ
- มองโลกในแง่ร้ายแบบสุดโต่ง หมดศรัทธาในสิ่งรอบตัว รู้สึกโดดเดี่ยวแม้มีคนใกล้ตัว
- ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย เช่น วิธีการทำงาน เป้าหมาย หรือขั้นตอนต่างๆ
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Si เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากสามารถหยุดคิดวนเกี่ยวกับอดีต และกลับมารู้สึกว่าตัวเองรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้และเป็นคนมีค่า
- ไม่เร่งรัดให้ตัวเอง “ดีขึ้น”
- ปล่อยให้ตัวเองจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังกังวลหรือกลัวไปจนสุดทาง เพื่อให้สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือความคิด อะไรคือความรู้สึก อะไรคือความจริง และอะไรควบคุมได้ไม่ได้
- ใช้เวลากับตัวเองในสถานที่หรือในบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกดี สบายๆ ผ่อนคลายทางร่างกาย หรือทำกิจกรรมที่เรียบง่าย
- คุยกับคนที่พร้อมรับฟัง และช่วยให้เรามองเห็นความกลัวหรือความกังวลของตัวเองชัดขึ้น
- เลือกคนที่ตัวเองรู้สึกไว้ใจมากพอที่จะเล่าเรื่องให้ฟังหรือระบายความรู้สึกออกมา โดยไม่ต้องกังวลว่าเขาจะตัดสินหรือมองว่าเราไม่มีเหตุผล และไม่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นเรื่องตลก
- เลือกคนที่คอยให้กำลังใจแบบเงียบๆ ไม่พยายามนำเสนอวิธีแก้ ไม่สั่งสอน และคอยให้ปลอบโยนที่จริงใจ นุ่มนวล อยู่ในความเป็นจริง และไม่ล้ำเส้น รวมทั้งช่วยยืนยันด้วยข้อมูลที่จับต้องได้ว่าเรามีคุณค่า เคยทำบางอย่างสำเร็จ และยังควบคุมบางสิ่งได้
- ขอความช่วยเหลือในเรื่องที่รู้สึกว่ามีมากเกินกำลังหรือทำให้รู้สึกท่วมท้น โดยเฉพาะกับงานจุกจิก รายละเอียดเล็กๆ ที่คั่งค้างอยู่ และเป้าหมายที่ยังต้องทำให้สำเร็จ
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท ISTJ และ ISFJ มักรับมือกับความเครียดด้วยการพยายามทำให้ตัวเองและสิ่งรอบข้างยังคง “เป็นเหมือนเดิม” โดยการปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และใช้กิจวัตรเดิมๆ หรือความรับผิดชอบต่างๆ มากดความรู้สึกปั่นป่วนในใจ แต่ความเหนื่อยล้าที่ต้องคอยเก็บซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้ ความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการพยายามเข้มแข็งอยู่คนเดียว และความรู้สึกกลัวลึกๆ ในเรื่องการสูญเสียการควบคุม การกลายเป็นภาระของคนอื่น การถูกมองว่าไร้ประโยชน์ ไม่ดีพอ และล้มเหลวในหน้าที่ไม่ได้หายไปไหน และเป็นสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ เพื่อรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ ISTJ และ ISFJ พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การเปิดใจและการมีมุมมองที่กว้างขึ้น: เราไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้เสมอไป เราอยู่กับสิ่งที่ไม่แน่นอนและไม่คุ้นเคยได้ การผิดแผนไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลว และโลกไม่ได้ต้องขาวหรือดำเสมอไป ในบางส่วนก็เป็นสีเทาได้ และเราออกนอกกรอบได้
- การมองเห็นในสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต: เราไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นอยู่กับการรับผิดชอบให้ดีที่สุด เราลดความเข้มงวดและความสมบูรณ์แบบลงได้เพื่อสิ่งอื่นที่มีความหมายกว่า และสิ่งที่เราให้ค่าจริงๆ ในชีวิตของเราสำคัญไม่น้อยไปกว่าบทบาทหน้าที่ตรงหน้า
- การมีความยืดหยุ่นในความสัมพันธ์: เราลดความคาดหวังที่มีต่อทุกคนได้ ความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป ในบางครั้งการเข้าใจสำคัญกว่าความถูกต้อง การพักผ่อนและดูแลตัวเองสำคัญพอๆ กับการรับผิดชอบต่อผู้อื่น และเราลองเชื่อมั่นในความสามารถของคนรอบตัวอีกครั้งได้แม้เขาจะเคยผิดพลาดหรือทำให้เรารู้สึกผิดหวังมาก่อน
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Introverted iNtuition (Ni)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท INTJ และ INFJ
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- มีอาการตึงเครียดทางร่างกาย โกรธง่าย ขี้บ่น ช่างตำหนิ พูดแรง จู้จี้ ไม่ไว้ใจใคร และมองโลกในแง่ร้าย
- หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ทำให้เครียด การควบคุมรายละเอียด และประสิทธิภาพมากเกินไป จนขาดสมาธิและความคิดสร้างสรรค์
- คิดวางแผนมากเกินไป พยายามจัดระบบระเบียบใหม่ตลอดเวลา แต่ไม่เวิร์กเพราะซับซ้อนเกินไป กังวลจนนอนไม่หลับ
- อ่อนไหวต่อคำพูดหรือท่าทีของคนรอบข้าง รู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกแปลกแยกจากตัวเองและคนอื่น สงสัยในตัวเอง
- ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัสมากเกินไป เช่น กินมากไป ทำความสะอาดมากไป ออกกำลังกายมากไป
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Ni เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากสามารถถอนตัวออกมาจากความวุ่นวาย และกลับมาอยู่กับตัวเอง
- ใช้เวลาคนเดียว
- เลือกที่ๆ คุ้นเคยและสงบเงียบเพื่อฟังเสียงจากข้างในของตัวเอง ตั้งหลักใหม่ และทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองเชื่อหรือให้ค่า
- จัดเวลาให้ตัวเองได้พักอย่างเต็มที่ ทำกิจกรรมที่ไม่เร่งรัดและไม่กดดัน เช่น งานอดิเรกเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาโดยวางตารางไม่ให้ตัวเองต้องมีเป้าหมาย
- หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า ไม่เสพข้อมูลเกินจำเป็น พาตัวเองไปเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือพักจาก “สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ”
- จัดการชีวิตให้เครียดน้อยลง
- ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยเฉพาะในการช่วยจัดการรายละเอียดที่จุกจิกเกินไป
- วางตารางงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ลดภาระงานลง โดยเฉพาะงานที่ต้องการการตัดสินใจ
- หลีกเลี่ยงคำแนะนำจากคนที่ทำให้เรารู้สึกว่า “ไม่มีใครเข้าใจเรา” มากกว่าเดิม
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท INTJ และ INFJ มักรับมือกับความเครียดด้วยการพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเองเห็นว่า “ควรจะเป็น” โดยการควบคุมชีวิตของตัวเองและคนรอบข้าง รวมทั้งสถานการณ์ให้เป็นไปตามแผนและภาพในหัว คอยวิพากษ์วิจารณ์และกดดันให้ทุกอย่างเข้าร่องเข้ารอย วิเคราะห์ทุกแง่มุมเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด วางแผนและสร้างระบบใหม่ล่วงหน้า และตัดขาดจากอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเพื่อคงความเข้มแข็งเอาไว้ แต่ความรู้สึกหวาดกลัวความจริงที่ว่าตัวเองไร้พลังอำนาจ มีสิ่งที่ไม่เข้าใจ ควบคุมสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เปราะบาง และไม่มั่นใจในตัวเองไม่ได้หายไปไหน และเป็นสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ เพื่อรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ INTJ และ INFJ พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การปรับตัวเข้าหาโลกภายนอก: เราไม่จำเป็นต้องควบคุมทุกอย่างเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย เราอยู่กับโลกที่ไม่มีคำตอบชัดเจนโดยไม่ได้เข้าใจทุกอย่างได้ เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา
- ความสุขจากสิ่งที่เรียบง่าย: เราไม่จำเป็นต้องทะเยอทะยานและกดดันตัวเองตลอดเวลา เราสามารถมีความสุขหรือรู้สึกพึงพอใจกับเรื่องเล็กๆ หรือจากประสบการณ์ที่เรียบง่าย ที่ไม่ได้มาจากความสำเร็จใหญ่โตอะไรได้
- การมีเป้าหมายที่อยู่ในความเป็นจริง: เราไม่ต้องจริงจังกับชีวิตมากจนตัวเองและคนรอบข้างเหนื่อยล้า เราไม่จำเป็นต้องคาดหวังให้ตัวเองเปลี่ยนโลกได้ในทันทีแบบก้าวกระโดด เป้าหมายไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบถึงจะมีค่า เราอยู่กับข้อบกพร่องได้และไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว




