แผนที่สู่การเยียวยาใจ Part 4
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Introverted Thinking (Ti)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท ISTP และ INTP
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- รู้สึกผิดหวังกับโลกภายนอกและโดดเดี่ยว ขมขื่นกับชีวิต มองโลกอย่างประชดประชันและแคบลง
- รู้สึกไม่มีเป้าหมาย ไม่ใส่ใจคนรอบตัว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แสดงอารมณ์เกินจริง
- ใช้ทฤษฎีที่ซับซ้อนไปวิจารณ์คนอื่น กล่าวหาหรือตีความคนรอบตัวผิดว่าไม่ชอบเรา กีดกันเรา ไม่เห็นค่าเรา
- ถอยห่างจากสังคม ยึดติดกับความสนใจเฉพาะทาง ปรับเปลี่ยนมุมมองไม่ได้
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Ti เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากมีพื้นที่ปลอดภัย และได้กลับมาอยู่กับตัวเองโดยที่ไม่มีใครไปรุกล้ำความรู้สึกของเขา
- หาพื้นที่ส่วนตัวในการอยู่กับตัวเอง เพื่อฟื้นฟูพลัง หาเวลาจัดระเบียบโลกภายในใหม่ และวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นจนเข้าใจ
- หลีกเลี่ยงการเปิดเผยความรู้สึกกับผู้อื่นในช่วงแรก หรือจนกว่าจะพร้อมเปิดรับสิ่งอื่นๆ ที่อาจพุ่งเข้ามาจากการพูดความในใจออกไป
- ปฏิเสธความกลัวในใจที่กำลังรบกวนเราอยู่ชั่วคราว จนกว่าจะมั่นใจว่าการเผชิญหน้าจะไม่ทำให้เราจมหรือแตกสลาย
- หลีกเลี่ยงคนที่จะมาถามเราว่า “รู้สึกยังไงบ้าง” ชั่วคราว
- ตัดความรับผิดชอบที่ไม่จำเป็นออกให้หมด
- ตั้งหลักใหม่ด้วยการทำความเข้าใจกับข้อเท็จจริงในสถานการณ์นั้นๆ หรือ หาไอเดียและมุมมองใหม่ๆ ที่จะช่วยลดความรู้สึกเกินจริงหรือทำให้กลับมาอยู่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ต่อยอดจินตนาการในแง่ลบ
- หาทางรอดในระยะสั้น
- แสดงพฤติกรรมที่ผู้อื่นคาดหวังชั่วคราว
- เพิกเฉย หรือ ถอนตัวจากสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกเครียด
- การได้รับการยืนยันจากผู้อื่นว่าสิ่งที่ตนเผชิญอยู่คือสถานการณ์ที่ตึงเครียดจริงๆ โดยไม่ได้ร้องขอให้เขาพูด
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท ISTP และ INTP มักรับมือกับความเครียดด้วยการกลับเข้าไปในโลกของตัวเอง ตัดขาดจากอารมณ์ และตัดขาดจากคนอื่น เพื่อพยายามควบคุมให้โลกภายในของตัวเองไม่สั่นไหวไปกับสิ่งที่ปะทะเข้ามา และปกป้องระบบความคิดเดิมของตัวเองเอาไว้ พวกเขามักแกล้งไม่รู้สึกและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพื่อให้ยังบอกตัวเองได้ว่า ตนยังเป็นอิสระจากการถูกควบคุมหรือตีกรอบจากคนอื่น แต่ความรู้สึกว่าตัวเองเปราะบาง ไร้ค่า พึ่งพาตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายตัวเองให้ใครเข้าใจได้ ไม่สามารถเข้าใจคนอื่น และกลัวคนอื่นมองว่าไม่น่ารักไม่ได้หายไปไหน และเป็นสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ เพื่อรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ ISTP และ INTP พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การเห็นคุณค่าในวิธีคิดที่ไม่สมเหตุสมผล: บางสิ่งในโลกไม่ได้มีคำตอบแน่ชัด ตรรกะไม่ใช่หนทางเดียวที่ช่วยให้เราเข้าใจชีวิต สิ่งที่อธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผล เช่น อารมณ์ ความเชื่อ สัญชาตญาณ มีคุณค่าในแบบของมันเอง เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จาก “ความรู้สึกใช่” ได้ ไม่จำเป็นต้องมาจาก “ความคิดที่ถูกต้อง” เสมอไป
- การมองเห็นความเปราะบางของตัวเอง: การเปิดเผยความรู้สึกไม่ใช่จุดอ่อนและไม่ได้ทำให้คุณค่าของเราลดลง แต่เป็นประตูสู่ความสัมพันธ์ที่แท้จริง ช่วยให้เราได้รับความรับ การยอมรับ และรู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่น ซึ่งสำคัญไม่แพ้การเป็นคนที่มีเหตุมีผล
- การแสดงความรู้สึกข้างในลึกๆ ของตัวเอง: เราพูดถึงความรู้สึกของตัวเองได้แม้จะยังไม่เข้าใจมันทั้งหมด เรามีความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ และไม่จำเป็นต้องตัดสินตัวเองที่ไม่มีเหตุผล เราอาจจะเข้าสังคมไม่เก่งแต่เราฝึกได้และไม่จำเป็นต้องปิดบังความเป็นตัวเองอีกต่อไป
แผนที่สู่การเยียวยาใจสำหรับ Introverted Feeling (Fi)
ฟังก์ชันเด่นของคนประเภท ISFP และ INFP
พฤติกรรมจากความเครียดสะสม:
- กลายเป็นคนประชดประชัน ไม่ไว้ใจใคร ขี้ระแวง มองโลกในแง่ร้าย และวิจารณ์ผู้อื่น/ ตัวเองอย่างรุนแรง
- แสดงท่าทีเป็นผู้เสียสละหรือแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว สลับกับการทำตัวก้าวร้าว แสดงความเฉยเมย และขาดความมั่นใจในตัวเอง
- หมกมุ่นกับความผิดพลาด ความไม่สมบูรณ์ของตัวเองและคนรอบข้าง
- รู้สึกหมดหวัง สิ้นหวัง และห่างไกลจากสิ่งที่ตัวเองเป็น กล่าวโทษโลกรอบตัวที่ทำร้ายเรา
วิธีการเยียวยาใจให้กลับมาเป็นปกติ
คนที่ใช้ Fi เป็นฟังก์ชันเด่น เมื่อเกิดความเครียดสะสมจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหากมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการฟื้นฟูพลังในตัวเอง ได้ดูแลความรู้สึกของตัวเอง กลับมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่ตัวเองให้ค่าและเป็นตัวเองอย่างแท้จริง
- สร้างพื้นที่ส่วนตัวที่ปลอดภัย
- ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกโดยไม่เร่งแก้ไข หรือผลักไสอารมณ์ด้านลบ เข้าใจว่าความรู้สึกแย่ๆ มีวันหมดอายุของมันเอง เพราะฉะนั้น อนุญาตให้ตัวเองได้พังบ้าง อ่อนโยนกับตัวเอง โดยไม่ต้องต่อว่าตัวเองหรือรู้สึกผิด
- หลีกเลี่ยงการใช้เหตุผลกับตัวเองหรือจากคนรอบข้างในช่วงนี้ เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจเรา
- เพิ่มพลังดีๆ ให้กับชีวิต
- เลือกอยู่คนเดียวหากคนรอบข้าง Toxic
- พูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนที่เราไว้วางใจเมื่อพร้อม หากเห็นว่าความรู้สึกแย่ๆ ของเรามีคนมองเห็นและรับมันได้โดยไม่ตัดสินและไม่มีเงื่อนไขจะช่วยได้มาก
- หยุดเสพข้อมูลหรือความเห็นจากโลกภายนอกที่ทำให้สับสนหรือรู้สึกไม่เป็นตัวเอง
- มองหาสิ่งที่ดีอยู่แล้วในตัวเองและคนรอบข้าง แทนที่จะโฟกัสไปที่ข้อผิดพลาดหรือสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ
- ฟื้นฟูพลังผ่านสิ่งที่เป็นตัวเอง
- กลับมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่ตัวเองให้ค่า ทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับตัวตนและมีความหมายต่อใจ เช่น งานฝีมือ ดนตรี ศิลปะ หรือโปรเจกต์เล็กๆ ที่ไม่ต้องใช้แรงมาก
- เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ค้นพบใหม่ในตัวเอง มองตัวเองผ่านมุมมองใหม่ๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองใหม่
- ทบทวนว่าอะไรสำคัญสำหรับเราจริงๆ และค่อยๆ จัดลำดับความสำคัญใหม่
สิ่งที่จะได้รับหากเยียวยาใจจากความเครียดสะสมได้สำเร็จ
คนประเภท ISFP และ INFP มักรับมือกับความเครียดด้วยการพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไม่ให้โลกภายนอกได้รับรู้ โดยการไม่ระบายความรู้สึกให้คนอื่นฟัง ไม่ขอความช่วยเหลือ พยายามจัดการอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองก่อน และหลีกหนีจากความวุ่นวายของโลกภายนอกและสังคมที่ไม่เข้าใจตน แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวรุนแรง (ไม่มีใครเข้าใจเราเลย ไม่มีใครรักฉันจริงๆ เลย) ความกลัวที่เกิดจากการหมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดและการด้อยค่าตัวเอง (ฉันไม่มีค่าเลย ฉันไม่เป็นที่รัก ฉันใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา) และการกลัวถูกตัดสินหรือเข้าใจผิดไม่ได้หายไปไหน และเป็นสิ่งที่ก่อตัวอยู่ลึกๆ เพื่อรอเวลาปะทุออกมาเป็น พฤติกรรมจากความเครียดสะสม
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง “ช่วงแย่ๆ ของชีวิต” อย่างที่หลายคนเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะมันมีแง่งามในตัวมันเอง หากผ่านมันมาได้ด้วยการเยียวยาและความเข้าใจ สำหรับ ISFP และ INFP พวกเขามักจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
- การยอมรับความต้องการเรื่องอำนาจ: การต้องการอำนาจไม่ใช่เรื่องผิดและไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกับความเชื่อหรืออุดมคติของเรา เรามีอำนาจและใช้อำนาจสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกอย่างถูกวิธีได้ เราอยากเป็นคนที่มีอิทธิพลได้ อำนาจ การควบคุม และความสำเร็จเป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน
- การยอมรับในความสามารถของตัวเอง: เราไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวจนถล่มตัวเอง การภูมิใจในตัวเอง มองเห็นและยอมรับว่า “เราก็มีดี” “ที่มีอยู่ก็ใช้ได้” ไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่ได้ขัดแย้งกับการเป็นคนดี จริงใจ และถ่อมตน เรารับคำชมที่สมควรได้รับได้ เรามีค่าไม่ต่างจากคนอื่น
- การอยู่ในความเป็นจริงมากขึ้น: ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบ คนไม่สมบูรณ์แบบ และเราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบจึงจะมีค่า เราไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับตัวเองและคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอุดมคติที่ไม่มีอยู่จริง เรามีอุดมคติในแบบที่ยังอยู่ในความเป็นจริงได้ ช่องว่างระหว่างอุดมคติและความไม่สมบูรณ์แบบช่วยให้เราเติบโต และเราออกแบบชีวิตใหม่ในแบบที่เราต้องการและยังเป็นเราได้เสมอ




