เข้าใจสไตล์ความเป็นผู้นำและดูแลตัวเองจากความเครียดด้วย MBTI® PART2

สไตล์การเป็นผู้นำแบบที่ 3 FJ (Feeling + Judging)

ไทป์: ENFJ, ESFJ, INFJ, ISFJ 

 ลักษณะนิสัยเด่น:

  • เป็นมิตร เห็นอกเห็นใจ และ ใส่ใจความรู้สึกของคนในทีม
  • มุ่งเน้นให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น
  • ให้ความสำคัญกับการทำตามสัญญาและความรับผิดชอบ
  • คอยช่วยดูแลความเป็นอยู่และความปลอดภัยของคนในทีม

 จุดแข็ง:

  • เข้าถึงง่าย เข้าใจคน คอยให้กำลังใจ และวางโครงสร้างเพื่อช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จ
  • มีความรับผิดชอบสูงและให้ความสำคัญกับการซื่อสัตย์
  • ทำงานมีระบบ ใส่ใจรายละเอียด รอบคอบ และต้องการเห็นผลลัพธ์
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม สนับสนุนให้ทุกคนร่วมมือกันและรักษาความกลมเกลียว

 จุดอ่อน:

  • อาจเลี่ยงการตัดสินใจหรือให้ฟีดแบ็คที่เด็ดขาดเพราะกลัว/ อึดอัดกับความขัดแย้ง
  • อาจเครียดได้ง่ายเมื่อรู้สึกว่าคนไม่พอใจหรือไม่ได้เห็นค่าในสิ่งเดียวกัน
  • อาจไม่ปฏิเสธงาน รับภาระมากเกินไป และไม่กระจายงาน
  • อาจยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าเราต้องเป็นคนดีและใจดี ผิดหวังกับคนหรือน้อยใจง่าย

 สิ่งที่มักทำให้รู้สึกเครียด:

  • ความขัดแย้งในทีม คนในทีมไม่สนใจความรู้สึกของกันและกัน พูดแรง
  • ถูกมองว่าอ่อนไหว ไม่เด็ดขาด หรือไม่น่าเชื่อถือ
  • การไม่ได้คำชมหรือฟีดแบ็คที่แสดงให้เห็นว่าความตั้งใจดีของตนมีความหมาย
  • การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน และความคาดหวังที่ไม่ชัดเจน

 วิธีจัดการและดูแลความเครียดของตัวเอง:

  1. มองความขัดแย้งเป็น “ข้อมูล” มากกว่าเรื่องส่วนตัว
    ลองมองว่าความขัดแย้งเป็นเพียงเรื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แลกเปลี่ยนมุมมอง หรือทำความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่การปฏิเสธตัวตนหรือความตั้งใจดีของใคร ฟังให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดแรงๆ เหล่านั้น แล้วหาทางสร้างความเข้าใจและแก้ปัญหา รวมทั้งฝึกบอกความต้องการของตัวเองโดยไม่ต้องรู้สึกผิด และยอมรับว่าในบางครั้ง ความขัดแย้งจำเป็นต่อการเติบโต
  2. ยอมรับว่าความเด็ดขาดกับความใจดีสามารถอยู่ด้วยกันได้
    ฝึกสื่อสารให้ชัดเจนขึ้นโดยใช้ “เหตุผล” ควบคู่กับ “ความห่วงใย” เช่น “ฉันเข้าใจว่าทุกคนกังวล แต่เราจำเป็นต้องตัดสินใจเรื่องนี้ภายในวันนี้เพื่อให้ทีมเดินหน้าได้” เรียนรู้ว่าความรู้สึกของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบหรือแบกไว้ และฝึกแยกแยะความรู้สึกออกจากงาน
  3. สร้างระบบการให้และรับฟีดแบ็คที่ชัดเจน
    ผู้นำสไตล์ FJ มักรู้สึกเครียดเมื่อเห็นว่าความตั้งใจดีของตนไม่ได้รับการยอมรับ ลองทำให้การให้และรับ Feedback เป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำ เช่น จัด “Reflection Time” หลังโปรเจกต์ หรือบอกทีมว่าคุณเองก็อยากได้ความคิดเห็นเช่นกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับทั้งคำชมและข้อเสนอแนะ โดยไม่ต้องรอจนเครียดหรือคิดมากไปเองว่าคนไม่เห็นค่าเรา
  4. ลดความกังวลด้วยการหาข้อมูลล่วงหน้า
    ความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันมักทำให้รู้สึกไม่มั่นคงและไม่ปลอดภัย ลองรับมือด้วยการถามคำถามให้ชัดขึ้น เช่น “เราคาดหวังผลลัพธ์แบบไหนใน 3 เดือนข้างหน้า” หรือเตรียม “แผนสำรอง” เพื่อให้รู้สึกว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้บ้าง
  5. ทำบางสิ่งเพื่อเติมเต็ม “ใจเราเอง”

เลือกทำสิ่งที่สอดคล้องกับคุณค่าของตัวเองและช่วยให้เรากลับมารู้สึกมั่นคงโดยไม่ต้องรอให้คนอื่นมายืนยันว่าความห่วงใยของเรามีค่า เช่น ส่งข้อความให้กำลังใจเพื่อนโดยไม่หวังการตอบกลับ ช่วยคนแปลกหน้าถือของเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี หรือ ทำกิจกรรมที่เราชอบหรือให้ค่าโดยไม่ต้องสนใจความรู้สึกใคร

 

สไตล์การเป็นผู้นำแบบที่ 4 FP (Feeling + Perceiving)

ไทป์: ENFP, ESFP, INFP, ISFP

 ลักษณะนิสัยเด่น:

  • สบายๆ ดูเปิดรับ ให้ความเข้าใจ และเป็นธรรมชาติ
  • มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบการบังคับและเชื่อว่าแต่ละคนมีหนทางของตัวเอง
  • สนับสนุนอิสระและการเติบโตจากภายใน
  • ชอบทำงานที่มีความหมาย

 จุดแข็ง:

  • เป็นตัวเองและเปิดพื้นที่ให้คนอื่นได้เป็นตัวเอง ทำให้บรรยากาศในทีมผ่อนคลาย
  • ยืดหยุ่น ปรับตัวเก่ง คอยสร้างแรงบันดาลใจด้วยคุณค่าและจินตนาการ
  • มักเข้าถึงความรู้สึกลึกๆ ของลูกทีมได้ดี เล็งเห็นว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับอะไร
  • กล้าคิดต่าง และเปิดรับแนวทางใหม่ๆ ให้ความสำคัญกับความเห็นร่วม

 จุดอ่อน:

  • ไม่ชัดเจนเรื่องระบบ โครงสร้าง และการตัดสินใจ ซึ่งอาจให้ทีมรู้สึกสับสน
  • อาจบริหารเวลาได้ไม่ดี และให้ความสำคัญกับการพยายามหาตัวเลือกที่ทุกคนโอเคมากไป
  • อาจขาดการติดตามงานและการควบคุมผลลัพธ์ระยะยาว
  • อาจรู้สึกว่าการออกคำสั่งเป็นเรื่องยาก อ่อนไหวกับคำวิจารณ์และการถูกปฏิเสธ

 สิ่งที่มักทำให้รู้สึกเครียด:

  • การต้องตัดสินใจหรือทำตามระบบที่ไม่ตรงกับคุณค่าของตัวเอง
  • การถูกจำกัดอิสรภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นตัวเอง
  • การต้องใช้อำนาจ การตัดสินใจในแบบที่จะทำให้บางฝ่ายเสียประโยชน์
  • การถูกควบคุมมากเกินไป การถูกบังคับหรือกดดันให้รีบตัดสินใจทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม

 วิธีจัดการและดูแลความเครียดของตัวเอง:

  1. ทบทวนคุณค่าก่อนตัดสินใจ
    เมื่อรู้สึกว่าทางเลือกหนึ่งขัดกับสิ่งที่ตัวเองให้ค่า ลองทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าจริงๆ แล้วเราให้ค่ากับอะไร เพื่อปรับเปลี่ยนทางเลือกให้สอดคล้องความสิ่งที่ตัวเองให้ค่า หากปรับไม่ได้ ลองหาวิธี “เพิ่มคุณค่า” ให้กับทางเลือกนั้นๆ เพื่อช่วยลดความรู้สึกฝืนใจและเพิ่มแรงบันดาลใจในการลงมือทำ
  2. ตั้งขอบเขตเพื่อจัดการกับความหลากหลาย
    หากรู้สึกสับสนเพราะความต้องการของคนในทีมไม่เหมือนกัน ลองฝึกตั้งขอบเขตเพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและลดความกังวลว่ามันจะไม่แฟร์กับบางคน เช่น ตกลงเป้าหมายร่วมกันก่อนเลือกวิธีการ หรือกำหนดเวลาตัดสินใจให้ชัดเจน
  3. ฝึกรับมือกับแรงกดดันให้รีบตัดสินใจ
    หากมักรู้สึกไม่พร้อมเมื่อต้องตัดสินใจ ลองฝึกฟังเสียงข้างในของตัวเองให้เร็วขึ้น แยกความรู้สึกไม่พร้อมออกจากความกลัวผิด และฝึกซ้อมด้วยการ “ตัดสินใจเลย” กับเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวันเพื่อเพิ่มความมั่นใจ พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีการสื่อสารเพื่อขอ “พื้นที่ในการคิด” อย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อลดความเครียดจากการรู้สึกถูกบังคับหรือฝืนใจในอนาคต
  4. ปรับมุมมองในเรื่องการใช้อำนาจหรือการออกคำสั่ง
    ฝึกมองว่าบทบาทการเป็นผู้นำคือการดูแลภาพรวม ไม่ใช่การควบคุมหรือสั่งคน และฝึกใช้ “พลังความชัดเจน” แทนการใช้อำนาจ เช่น ตั้งขอบเขต แสดงจุดยืน และอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจอย่างโปร่งใส พร้อมเปิดช่องว่างให้คนอื่นได้ออกความเห็น การมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนและมองเห็นคุณค่าของการเป็นผู้นำจะช่วยให้เราสื่อสารได้หนักแน่นและเป็นเนื้อเป็นตัวมากขึ้น
  1. ทำในสิ่งที่มีความหมายกับตัวเอง
    เมื่อรู้สึกหมดพลังใจ ลองกลับไปทำสิ่งเล็กๆ ที่สะท้อนตัวตนของเรา เช่น ทำกิจกรรมยามว่างที่ชอบ อยู่กับศิลปะหรือธรรมชาติ เพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราให้ค่าและทำให้เรากลับมามีพลังใจอีกครั้ง

 

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ [email protected] หรือโทร 02 258 6930-35